หน้าเว็บ

ตอนที่ 9: Long Put ทำกำไรในตลาดขาลงแบบเสี่ยงน้อย

clip_image001 Options10
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน คงได้ติดตามการซื้อขาย SET 50 Index Options ในตลาด TFEX กันมาบ้างแล้วนะครับ เพราะตลาด TFEX เปิดทำการซื้อขาย Options กันไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา บางท่านอาจทดลองซื้อขายกันบ้างแล้วด้วยสำหรับกลยุทธ์การ Long Call ที่เราได้ศึกษากันไปในตอนที่แล้ว วันนี้เราจะมาเพิ่มเติมความรู้สำหรับกลยุทธ์การทำกำไรในตลาดขาลง กับการ Long Put กันครับ
clip_image003พุ ทออปชันเป็นสิทธิที่ผู้ซื้อได้รับจากผู้ขายในการเลือกที่จะขายสินค้าอ้างอิง ได้ในราคา และระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ ผู้ซื้อจึงต้องจ่ายพรีเมียมให้แก่ผู้ขาย เช่นเดียวกับการซื้อคอลออปชันครับ
clip_image003[1]ข้อ แตกต่างระหว่างการ Long Call กับ Long Put จะต่างกันตรงการคาดการณ์ของนักลงทุนเป็นหลัก โดยเมื่อออปชันครบกำหนดอายุ ผู้ถือพุทออปชันจะใช้สิทธิก็ต่อเมื่อราคาใช้สิทธินั้นสูงกว่าราคาตลาดของ สินค้าอ้างอิง ดังนั้น การ Long Put จึงเหมาะกับผู้ที่คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวลงแรงในอนาคต ซึ่งตรงกันข้ามกับกรณี Long Call โดยสิ้นเชิงครับ
clip_image003[2]ตัวอย่าง เช่น สมมติให้ปัจจุบันดัชนี SET50 อยู่ที่ 650 จุด นาย ก คาดว่าเศรษฐกิจจะซบเซา และดัชนี SET50 จะลดต่ำลงกว่าปัจจุบันค่อนข้างมาก จึงตัดสินใจซื้อ S50Z07P650 จำนวน 1 สัญญา ในราคา 30 จุด หรือ 30x200 = 6,000 บาท เมื่อถึงสิ้นเดือนธันวาคม นาย ก จะตัดสินใจใช้สิทธิหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระดับดัชนี SET50 ณ วันหมดอายุ หากดัชนี SET50 ลดลงเหลือ 600 จุด นาย ก จะได้กำไรจากการใช้สิทธิเท่ากับ 650-600 = 50 จุด หักต้นทุนค่าพรีเมียม สุทธิแล้วได้กำไรทั้งสิ้น (50-30)x200 = 4,000 บาท ครับ ในกรณีนี้ นาย ก ก็จะใช้สิทธิ
clip_image003[3]แต่ ถ้า SET50 ณ สิ้นเดือนธันวาคม อยู่ที่ 630 จุด แม้นาย ก จะสามารถขาย SET50 ได้ราคาสูงกว่าราคาตลาด 650-630 = 20 จุด แต่เมื่อหักต้นทุนค่าพรีเมียม สุทธิแล้วจะขาดทุน (30-20)x200 = 2,000 บาท อย่างไรก็ตาม แม้ว่าใช้สิทธิแล้วจะขาดทุน นาย ก ก็ควรเลือกที่จะใช้สิทธิ เพราะอย่างน้อยก็ขาดทุนน้อยกว่าการปล่อยให้ออปชันหมดอายุไปเฉยๆ ครับ
clip_image003[4]อย่าง ไรก็ตาม หากดัชนี SET50 ณ วันหมดอายุ ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ คือเพิ่มสูงขึ้นเป็น 660 จุด หาก นาย ก ใช้สิทธิจะขาดทุนเท่ากับ (650-660)x200 = 2,000 บาท รวมต้นทุนค่าพรีเมียม สุทธิแล้วขาดทุน 2,000+6,000 = 8,000 บาท กรณีนี้ นาย ก ก็จะปล่อยให้ออปชันนั้นหมดอายุไป และยอมขาดทุนเท่ากับพรีเมียม 6,000 บาท
clip_image003[5]จะ เห็นได้ว่ากลยุทธ์ Long Put นี้มีลักษณะเหมือนการซื้อประกันครับ คือเราต้องจ่ายพรีเมียมหรือเบี้ยประกันไปก่อน หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้น (หุ้นไม่ตก) ก็จะเสียพรีเมียมส่วนนั้นไปฟรีๆ แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ (หุ้นตก) เราก็จะได้รับเงินชดเชยส่วนหนึ่ง ซึ่งเปรียบได้กับกำไรที่ได้รับจากการใช้สิทธินั่นเองครับ การให้ผลกำไรในตลาดขาลงนี่เองที่ทำให้นักลงทุนส่วนมากนิยมการ Long Put เพื่อลดความเสี่ยงจากการถือหลักทรัพย์ชนิดอื่นๆ
clip_image003[6]ทั้ง นี้ หากไม่ต้องการถือออปชันจนหมดอายุ ก็สามารถขายพุทออปชันนั้นเพื่อทำกำไร (หรือตัดขาดทุน) ในกรณีที่ราคาออปชันปรับตัวสูงขึ้น (หรือลดลง) โดยราคาพุทออปชันบน SET50 จะขึ้นอยู่กับระดับดัชนี SET50 เป็นหลัก หาก SET50 ปรับตัวลดลง ราคาพุทออปชันก็จะสูงขึ้น เพราะโอกาสที่จะใช้สิทธิมีมากขึ้น ส่วนความผันผวนของดัชนี SET50 และอายุคงเหลือของออปชัน ก็มีผลต่อราคาพุทออปชันเช่นเดียวกับกรณีของคอลออปชัน กล่าวคือ หากดัชนี SET50 แกว่งตัวค่อนข้างแรง โอกาสที่พุทออปชันจะ In-the-Money ก็มีมากขึ้น ราคาพุทออปชันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย และหากออปชันเหลือเวลาน้อยๆ โอกาสที่ดัชนี SET50 ลดลงแรงก็มีน้อย ราคาพุทออปชันในช่วงนี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทั้งกลยุทธ์ Long Call และ Long Put จึงไม่เหมาะกับออปชันที่เหลืออายุน้อยๆ ครับ
clip_image003[7]เป็น อย่างไรกันบ้างครับ การ Long Put เพื่อทำกำไรช่วงตลาดขาลง หรือใช้กลยุทธ์นี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของ Portfolio ก็จะมีประโยชน์อย่างมากเลยครับ ได้กลยุทธ์เพิ่มอีกแล้ว อาจจะลองทำความเข้าใจความเคลื่อนไหวของราคา Put Options ในตลาดกันเพิ่มขึ้น คราวหน้าเราจะมาดูผลตอบแทนจากการขายคอลออปชันหรือ Short Call กัน ต้องติดตามนะครับ

อ่านต่อตอนที่10

Bookmark and Share

POPULAR POSTS

PLEASE VOTE @sset4blog IF Y0U LIKE

SOCIAL COMMENTS

ผู้ติดตาม