หน้าเว็บ

20. DSM (20) – เปรียบเทียบวิธีการลงทุนของ VI, DSM กับอสังหาริมทรัพย์

DSM14
20. DSM (20) – เปรียบเทียบวิธีการลงทุนของ VI, DSM กับอสังหาริมทรัพย์
เปรียบเทียบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของหุ้นแบบ VI, DSM กับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน
VI…คือคนที่รู้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน และที่สำคัญกว่าคือรู้ว่าทำเลทองที่ว่า ตอนนี้ราคาถูกมาก และเข้าไปกว้านซื้อเก็บไว้ ถ้าเกิดจะมีคนมาขอซื้อต่อแพงๆ เรา VI ก็เฉยๆ เพราะเรารู้ว่าเราจับจองทำเลทองไว้อยู่ ในอนาคตเมื่อคนอื่นๆ รู้มากขึ้น การค้าก็ไหลมาเทมา รายได้จากค่า เช่าค่าเซ้งก็จะไหลมาเทมา และราคาที่ดินก็จะขึ้นตามไปด้วยในที่สุด
DSM…คือคนที่ประมาณได้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน เลือกเอาที่คนพลุกพล่านหน่อยๆ จะได้ซื้อคล่องขายคล่อง แต่อาจจะไม่รู้ว่าราคาตลาดขณะนั้นเป็นราคาที่เหมาะสมหรือยัง ก็เข้าไปกว้านซื้อที่ไว้ เสร็จแล้วก็เอามาแบ่งขายเป็น lot เล็กๆ ที่ราคาตลาด ถ้าตลาดมี Demand สูงก็โก่งราคาหน่อย ถ้าปล่อยถูกๆ แล้วยังไม่มีคนเอาก็ตั้งราคาถูกลงไปอีก แต่ที่สำคัญเมื่อปล่อยไปแล้ว ก็ค่อยๆ ทยอยซื้อคืนเมื่อ lot ที่เราปล่อยขายไปนั้น ราคาตกลงมาต่ำกว่าราคาที่เราขายไป
รายได้จากการปล่อยขายนี้ เราก็เอาไปลงทุนในทำเลอื่นบ้าง เพิ่มพื้นที่ในทำเลเดิมบ้าง หรือย้ายทำเลไปจังหวัดใหม่บ้าง ตามแต่แผนการลงทุน
VI… จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเฟ้นหาทำเลทอง และประเมินมูลค่าทำเล นั้นว่าถูกแสนถูกหรือยัง ถ้าทำเลนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่ปล่อยเช่าได้ จะยิ่งดีเงินสดจะเก็บเอาไว้จนกว่าจะเจอทำเลทองที่ถูกใจถูกราคาจริงๆ ถึงเข้าซื้อ
DSM…ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการวางแผนว่า วันพรุ่งนี้จะต้องขายอะไรและซื้ออะไร เมื่อราคาตลาดเป็นเท่าไหร่
คนส่วนมากมักจะคิดว่าเวลาของDSM หมดไปกับการเทรด แต่จริงๆ แล้วเป็นการวางแผนตอนเย็นหลังปิดตลาดหุ้นหรือตอนกลางคืน ปกติ DSM จะใช้เวลาวางแผนกันประมาณครึ่งถึงสองชั่วโมง แล้วแต่จำนวนหุ้นที่ติดตาม (ทั้งถือและไม่ได้ถืออยู่) ส่วนเวลาในการเทรด น่าจะรวมกันทั้งวันไม่เกิน 15 นาที บางคนใช้เวลาแค่ 2 นาที คือช่วงปิดตลาดเช้าเย็น วันละสองครั้ง
คิดว่าเป็นแนวทางการลงทุนที่สำเร็จแน่นอน แทบจะปราศจากความเสี่ยง (ในแง่หมดเนื้อหมดตัว) และให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ “ถ้าสามารถรักษาวินัยการลงทุนได้อย่างเคร่งครัด
และไม่เอาอารมณ์มาช่วยตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจทำไปแล้วตั้งแต่ตอนเย็นหลังปิดตลาดหุ้นหรือตอนกลางคืน
ถ้าต้องการผสมผสาน VI กับ DSM เข้าด้วยก็สามารถทำได้ คือนำ DSM มาใช้ร่วมกับ Value Investing แล้วอันนี้จะเรียกได้ว่า "สุดยอดไปเลย" เพราะลำพัง VI อย่างเดียว ซื้อหุ้นมาได้ตอนถูก แล้วถือรอจนได้ผลตอบแทนสูง แต่จำนวนหุ้นยังเท่าเดิม แต่ถ้าเราวิเคราะห์แบบ VI แล้วซื้อหุ้นตัวนั้นมาถือ ระหว่างถือรอราคาขึ้น ก็ทำ DSM ไปด้วย เราจะได้จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องลงเงินเพิ่มเลย อย่างนี้จะทำให้เกิดความสุดยอดจริงๆ อย่างนี้คงเรียกได้ว่าเป็นแค่ DSM พันธุ์ทางเท่านั้น ไม่ได้เป็นDSM พันธุ์แท้แต่อย่างไร
Bookmark and Share

POPULAR POSTS

PLEASE VOTE @sset4blog IF Y0U LIKE

SOCIAL COMMENTS

ผู้ติดตาม