หน้าเว็บ

35. DSM (35) – SET DSM index คืออะไร

DSM57

35. DSM (35) – SET DSM index คืออะไร
วิธีคิดดัชนี DSM ของพอร์ตของนักลงทุนแต่ละท่าน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อไม่ให้พวกเราทั้งหลายที่ทำ DSM แล้วหลงไปยึดติดกับ SET INDEX
2. เพื่อเอาไว้ดูว่าในแต่ละวันดัชนี DSM ของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
การคำนวณดัชนีหุ้นนั้นมีอยู่หลายวิธี แต่ละวิธีก็มีจุดดี จุดด้อย นี่คือสาเหตุที่เราต้องมีทั้ง SET INDEX  , SET50 และ SET100
วิธีคิดแบบแรกคือ PRICE WEIGHT คิดแค่ราคาหุ้นอย่างเดียว เช่น
ตัวอย่างข้อมูลวันแรกเริ่มทำ DSM
ITD ราคา 12.00 บาท
KEST ราคา 32.00 บาท
TPI ราคา 9.00 บาท
เราก็จับเอาราคาทั้ง 4 ตัวมาบวกกันแล้วหารด้วยจำนวนหลักทรัพย์
= ( 12 + 32 + 9 ) / 3 = 17.67   นี่คือค่าดัชนีเริ่มต้น
แล้วถ้าเป็นข้อมูล ณ.ปัจจุบัน(ราคาตลาดปิดวันนั้นๆ)
ITD ราคา 11.00 บาท
SHIN ราคา 37.00 บาท
TPI ราคา 10.00 บาท
VNT ราคา 9.00 บาท
= ( 11 + 37 + 10 + 9 ) / 4 = 16.67   นี่คือค่าดัชนี ณ. ปัจจุบัน
นั้นก็แสดว่าดัชนีของ DSM พอร์ตตั้งแต่เริ่มทำมาจนถึงปัจจุบัน ลดลงไป 1.00 จุด คิดเป็น 5.66% ถ้าคิดด้วยวิธีนี้มูลค่าพอร์ตของเราก็ควรจะต้องลดลง 5.66% เช่นกัน แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้นเพราะเราถือหุ้นแต่ละตัวในจำนวนที่ไม่เท่ากัน สูตรคำนวณที่ตลาดฯใช้อยู่คิดแบบ MARKET VALUE WEIGHT โดยให้น้ำหนักกับจำนวนหุ้นที่อยู่ในตลาด ดังนั้นหุ้นที่มีขนาดใหญ่จึงมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนี วิธีนี้จึงเหมาะสมกว่าที่เราจะเอามาคิดดัชนี แต่แทนที่เราจะหยิบหุ้นทั้งตลาดมาคิด เราก็หยิบเอาเฉพาะหุ้นมี่เราถืออยู่และจำนวนที่เราถือ เช่น
ตัวอย่างข้อมูลวันแรกเริ่มทำ DSM
ITD ราคา 10,000*12.00 = 120,000 บาท
KEST ราคา 3,000*32.00 = 96,000 บาท
TPI ราคา 10,000*9.00 = 90,000 บาท
(สมมุติว่าไม่ได้คิดค่าคอมมิชั่นรวมไปด้วยในตัวอย่างภายในบทนี้)
รวมทั้ง 3 หุ้นได้เท่ากับ 306,000 เป็นตัวอ้างอิง สมมุติให้เป็น SET DSM index ดัชนีเริ่มต้นเท่ากับ 100 จุด (ตรงนี้จะกำหนดเป็น 1000 จุดก็ได้แล้วแต่เราชอบ)
ข้อมูล ณ.ปัจจุบัน (ราคาตลาดปิดวันนั้นๆ)
ITD ราคา 11,000*11.00 = 121,000 บาท
SHIN ราคา 3,000*37.00 = 111,000 บาท
TPI ราคา 4,000*10.00 = 40,000 บาท
VNT ราคา 5,000*9.00 = 45,000 บาท
รวมทั้ง 4 หุ้นได้เท่ากับ 317,000 บาท
SET DSM index ณ.ปัจจุบัน = (317,000*100) / 306,000 = 103.59 จุด เท่ากับเพิ่มขึ้น 3.59 จุด (3.59%) มูลค่าพอร์ตของเราก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นเช่นกัน.  จะเห็นได้ว่าเมื่อคิดดัชนีด้วยวิธีนี้แล้ว จะมีความเป็นธรรมต่อจำนวนหุ้นแต่ละตัวในพอร์ตของเราที่ไม่เท่ากัน.
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเอา SET INDEX มาดูเพื่อเป็นตัวอ้างอิงกับพอร์ต DSM ได้ เพราะเขาเอาหุ้นทุกตัวมาคิดคำนวณ แต่เรามีหุ้นแค่บางตัว และเมื่อหุ้นบางตัวที่เราไม่มีแต่ดันขึ้นเช่น PTT, PTTEP พวกนี้มีผลต่อ SET INDEX ค่อนข้างมาก ก็จะทำให้ SET INDEX ปรับขึ้นตาม แต่ตลาดฯก็ต้องมีตัวอ้าวอิงจึงต้องใช้วิธีนี้และมีตัวอ้างอิงตัวอื่นๆ
ไว้เปรียบเทียบ.
ฉะนั้นพวกเราเองที่ทำ DSM ก็จำเป็นต้องมีตัวอ้างอิงของเราไว้ค่อยเปรียบเทียบด้วย เพราะเมื่อขนาดพอร์ตเปลี่ยนไป ราคาเปลี่ยนไป เราจะเห็นได้ชัดว่าที่เราทำ DSM อยู่นั้น ว่าดีขนาดไหน
จากตัวอย่างข้างบน ถ้าคิดตามวิธีแรกปรากฏว่า SET DSM ลดลง 1.00 จุด (5.66%) แต่ถ้าคิดตามวิธีการถ่วงน้ำหนักแล้ว SET DSM index กลับเพิ่มขึ้น 3.59 จุด (3.59%) แสดงว่าถ้าทำ DSM กลับเป็นว่ามูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้น และถ้าจะให้เป็นจริงมากขึ้นเราก็ควรที่จะต้องนำเอาเงินกระแสเงินสดแฝงที่มีอยู่ใส่เข้าไปด้วย (เหมือนกับว่าเราซื้อหุ้นใส่เข้าไปจนหมดเงิน)
สรุปเป็นสูตร SET DSM index ได้ดังนี้
SET DSM index  =  { ผลรวม(จำนวนหุ้นY * ราคาหุ้นY) + เงินสดคงเหลือ } * 100 / ผลรวม(จำนวนหุ้นX * ราคาหุ้นX)
เมื่อ   X = หุ้น ณ.วันแรกเริ่มทำ DSM, Y = หุ้นในพอร์ต ณ.ปัจจุบัน
เงินสดคงเหลือ = เงินสดทั้งหมด - เงินออม 25% - เงินค่าใช้จ่าย 25%
หวังว่าคงพอจะเป็นประโยชน์กับพวกเราชาว DSMจะได้เอาไว้ค่อยดูการเปลี่ยนแปลงของ SET DSM indexของเราเอง เพื่อไม่ให้ SET INDEX หลอกพวกเราชาว DSMer ได้อีกต่อไป
ปล. วันนี้นักลงทุน DSMer มี SET DSM index กันของแต่ละพอร์ตแล้วหรือยัง

Bookmark and Share

POPULAR POSTS

PLEASE VOTE @sset4blog IF Y0U LIKE

SOCIAL COMMENTS

ผู้ติดตาม