หน้าเว็บ

ตอนที่ 18: กลยุทธ์ขั้นเซียน Butterfly กับ Condor

clip_image001 Options12
วันนี้เราจะมาฝึกวิทยายุทธ์ขั้นเซียนกับกลยุทธ์ Butterfly และ Condor กันครับ
clip_image003เริ่ม จาก Butterfly กันก่อน กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ คล้ายกับการ short Straddle แต่ต่างกันตรงที่กลยุทธ์นี้จำกัดผลขาดทุนได้ โดยการขายออปชันที่ At-the-Money (ATM) จำนวน 2 สัญญา พร้อมกับซื้อออปชันที่ In-the-Money (ITM) และ Out-of-the-Money (OTM) อีกอย่างละ 1 สัญญา รวมซื้อขายออปชันทั้งสิ้น 4 สัญญา ซึ่งมีราคาใช้สิทธิต่างกัน 3 ราคา โดยมีช่วงห่างเท่าๆ กัน ทั้งนี้ หากเป็นการซื้อขายคอลออปชันจะเรียกว่า Long Call Butterfly ในทางตรงข้ามหากใช้พุทออปชันจะเรียกว่า Long Put Butterfly ครับ
clip_image003[1]สมมติ ให้ดัชนี SET50 อยู่ที่ 620 จุด นาย ก คิดว่าจากนี้ไปตลาดจะแกว่งตัวแคบๆ จึงตัดสินใจขาย S50H08C620 (ATM) จำนวน 2 สัญญา ที่ราคาสัญญาละ 30 จุด ได้เงิน 12,000 บาท พร้อมกับซื้อ S50H08C600 (ITM) และ S50H08C600 (OTM) อย่างละ 1 สัญญา ที่ราคา 50 จุดและ 15 จุด ตามลำดับ โดยต้องจ่ายเงินออกไป 13,000 บาท สุทธิแล้วนาย ก ตั้งจ่ายเงินออกไปก่อนทั้งสิ้น 1,000 บาท หาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ดัชนี SET50 ปิดที่ 620 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง นาย ก จะได้พรีเมียมจาก ATM call ไปฟรีๆ 12,000 บาท แต่ต้องขาดทุนจาก ITM call จำนวน 6,000 บาท และเสียพรีเมียมจาก OTM call ไปอีก 3,000 บาท สุทธิแล้วได้กำไรทั้งสิ้น 3,000 บาท หากดัชนีแกว่งขึ้นหรือลงไปกว่านี้กำไรก็จะลดลงเรื่อยๆ
clip_image003[2]ใน กรณีที่ดัชนี SET50 แกว่งตัวแรงกว่าที่คาดการณ์ เช่นลดลงไปปิดต่ำกว่า 600 จุด หรือเพิ่มสูงขึ้นไปปิดสูงกว่า 640 จุด นาย ก จะมีผลขาดทุนสูงสุดไม่เกินพรีเมียมที่จ่ายไปในตอนแรก คือ 1,000 บาท ทั้งนี้ จากการที่กลยุทธ์ Butterfly มีทั้งซื้อและขายออปชัน ทำให้มีพรีเมียมสุทธิที่ต้องจ่ายค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ผลขาดทุนสูงสุดต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการ Short Straddle อย่างไรก็ตามเมื่อโอกาสขาดทุนต่ำ โอกาสกำไรก็จะน้อยกว่า โดยดัชนี SET50 จะต้องแกว่งค่อนข้างแคบมากๆ ในตัวอย่างนี้คือแกว่งระหว่าง 605 – 635 จุด ถึงจะได้กำไรครับ
clip_image003[3]สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนแบบ Condor ก็จะคล้ายกับ Butterfly แต่ต่างกันตรงที่ออปชันที่ใช้จะมีราคาใช้สิทธิ 4 ราคา โดยจะมีราคาใช้สิทธิระหว่างกลาง 2 ราคา แทนที่จะเป็นราคาเดียว ดังนั้นการทำ Condor จึงประกอบด้วยการซื้อออปชันที่ราคาใช้สิทธิต่ำ 1 สัญญา พร้อมกับขายออปชันที่มีราคาใช้สิทธิสูงขึ้นถัดไป 1 สัญญา และขายออปชันที่ราคาใช้สิทธิสูงขึ้นไปอีก 1 สัญญา สุดท้ายซื้อออปชันที่มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าอีก 1 สัญญา รวมแล้วเป็นการซื้อและขายออปชันฝั่งละ 2 สัญญา โดยเป็นการ ซื้อ-ขาย-ขาย-ซื้อ ออปชันที่มีราคาใช้สิทธิสูงขึ้นตามลำดับ ยกตัวอย่างเช่น นาย ก ซื้อ S50H08C600 ที่ราคา 50 จุด ขาย S50H08C610 ที่ราคา 40 จุด ขาย S50H08C630 ที่ราคา 20 จุด และซื้อ S50H08C640 ที่ราคา 15 จุด จะสังเกตได้ว่าราคาใช้สิทธิจะค่อยๆ สูงขึ้นครับ ทั้งนี้หากใช้เป็น Put Options แทน ผลลัพธ์ก็จะไม่ต่างกันครับ
clip_image003[4]จาก กลยุทธ์ Condor นาย ก จะมีกำไรในกรณีที่ดัชนี SET50 แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 605 – 635 จุด เช่นเดียวกับ Butterfly และมีผลขาดทุนสูงสุดได้ไม่เกินพรีเมียมสุทธิที่จ่ายไปที่ 1,000 บาท เช่นเดียวกัน แต่จะมีข้อแตกต่างตรงที่ Condor จะมีกำไรสูงสุดต่ำกว่า ในกรณีนี้คือ 5 จุด หรือ 1,000 บาท แต่จะมีโอกาสได้กำไรสูงสุดนี้มากกว่ากรณีของ Butterfly ครับ กล่าวคือมีช่วงที่สามารถทำกำไรได้ถึง 1,000 บาท ได้มากกว่า เรียกว่ากำไรอาจจะไม่เยอะ แต่มีโอกาสได้มากกว่าครับ
clip_image003[5]เป็น อย่างไรกันบ้างครับกลยุทธ์ขั้นเซียนที่นำมาเสนอในวันนี้ อาจจะดูยุ่งยากเล็กน้อย แต่มีประโยชน์มากนะครับสำหรับตลาด Sideway เพราะสามารถจำกัดผลขาดทุนได้ด้วย หวังว่ากลยุทธ์ทั้งหมดที่นำเสนอมาตั้งแต่ต้นจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน บ้างนะครับ และหากต้องการย้อนดูบทความเก่าๆ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.trinityquicktrade.com ครับ สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านประสบแต่ความสุข มีสุขภาพทั้งทางกายและทางการเงินที่แข็งแรงนะครับ

  รู้จักOptions

Bookmark and Share

POPULAR POSTS

PLEASE VOTE @sset4blog IF Y0U LIKE

SOCIAL COMMENTS

ผู้ติดตาม