วันนี้เราจะมาฝึกวิทยายุทธ์ขั้นเซียนกับกลยุทธ์ Butterfly และ Condor กันครับ
เริ่ม จาก Butterfly กันก่อน กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ คล้ายกับการ short Straddle แต่ต่างกันตรงที่กลยุทธ์นี้จำกัดผลขาดทุนได้ โดยการขายออปชันที่ At-the-Money (ATM) จำนวน 2 สัญญา พร้อมกับซื้อออปชันที่ In-the-Money (ITM) และ Out-of-the-Money (OTM) อีกอย่างละ 1 สัญญา รวมซื้อขายออปชันทั้งสิ้น 4 สัญญา ซึ่งมีราคาใช้สิทธิต่างกัน 3 ราคา โดยมีช่วงห่างเท่าๆ กัน ทั้งนี้ หากเป็นการซื้อขายคอลออปชันจะเรียกว่า Long Call Butterfly ในทางตรงข้ามหากใช้พุทออปชันจะเรียกว่า Long Put Butterfly ครับ
สมมติ ให้ดัชนี SET50 อยู่ที่ 620 จุด นาย ก คิดว่าจากนี้ไปตลาดจะแกว่งตัวแคบๆ จึงตัดสินใจขาย S50H08C620 (ATM) จำนวน 2 สัญญา ที่ราคาสัญญาละ 30 จุด ได้เงิน 12,000 บาท พร้อมกับซื้อ S50H08C600 (ITM) และ S50H08C600 (OTM) อย่างละ 1 สัญญา ที่ราคา 50 จุดและ 15 จุด ตามลำดับ โดยต้องจ่ายเงินออกไป 13,000 บาท สุทธิแล้วนาย ก ตั้งจ่ายเงินออกไปก่อนทั้งสิ้น 1,000 บาท หาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ดัชนี SET50 ปิดที่ 620 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง นาย ก จะได้พรีเมียมจาก ATM call ไปฟรีๆ 12,000 บาท แต่ต้องขาดทุนจาก ITM call จำนวน 6,000 บาท และเสียพรีเมียมจาก OTM call ไปอีก 3,000 บาท สุทธิแล้วได้กำไรทั้งสิ้น 3,000 บาท หากดัชนีแกว่งขึ้นหรือลงไปกว่านี้กำไรก็จะลดลงเรื่อยๆ
ใน กรณีที่ดัชนี SET50 แกว่งตัวแรงกว่าที่คาดการณ์ เช่นลดลงไปปิดต่ำกว่า 600 จุด หรือเพิ่มสูงขึ้นไปปิดสูงกว่า 640 จุด นาย ก จะมีผลขาดทุนสูงสุดไม่เกินพรีเมียมที่จ่ายไปในตอนแรก คือ 1,000 บาท ทั้งนี้ จากการที่กลยุทธ์ Butterfly มีทั้งซื้อและขายออปชัน ทำให้มีพรีเมียมสุทธิที่ต้องจ่ายค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ผลขาดทุนสูงสุดต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการ Short Straddle อย่างไรก็ตามเมื่อโอกาสขาดทุนต่ำ โอกาสกำไรก็จะน้อยกว่า โดยดัชนี SET50 จะต้องแกว่งค่อนข้างแคบมากๆ ในตัวอย่างนี้คือแกว่งระหว่าง 605 – 635 จุด ถึงจะได้กำไรครับ
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนแบบ Condor ก็จะคล้ายกับ Butterfly แต่ต่างกันตรงที่ออปชันที่ใช้จะมีราคาใช้สิทธิ 4 ราคา โดยจะมีราคาใช้สิทธิระหว่างกลาง 2 ราคา แทนที่จะเป็นราคาเดียว ดังนั้นการทำ Condor จึงประกอบด้วยการซื้อออปชันที่ราคาใช้สิทธิต่ำ 1 สัญญา พร้อมกับขายออปชันที่มีราคาใช้สิทธิสูงขึ้นถัดไป 1 สัญญา และขายออปชันที่ราคาใช้สิทธิสูงขึ้นไปอีก 1 สัญญา สุดท้ายซื้อออปชันที่มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าอีก 1 สัญญา รวมแล้วเป็นการซื้อและขายออปชันฝั่งละ 2 สัญญา โดยเป็นการ ซื้อ-ขาย-ขาย-ซื้อ ออปชันที่มีราคาใช้สิทธิสูงขึ้นตามลำดับ ยกตัวอย่างเช่น นาย ก ซื้อ S50H08C600 ที่ราคา 50 จุด ขาย S50H08C610 ที่ราคา 40 จุด ขาย S50H08C630 ที่ราคา 20 จุด และซื้อ S50H08C640 ที่ราคา 15 จุด จะสังเกตได้ว่าราคาใช้สิทธิจะค่อยๆ สูงขึ้นครับ ทั้งนี้หากใช้เป็น Put Options แทน ผลลัพธ์ก็จะไม่ต่างกันครับ
จาก กลยุทธ์ Condor นาย ก จะมีกำไรในกรณีที่ดัชนี SET50 แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 605 – 635 จุด เช่นเดียวกับ Butterfly และมีผลขาดทุนสูงสุดได้ไม่เกินพรีเมียมสุทธิที่จ่ายไปที่ 1,000 บาท เช่นเดียวกัน แต่จะมีข้อแตกต่างตรงที่ Condor จะมีกำไรสูงสุดต่ำกว่า ในกรณีนี้คือ 5 จุด หรือ 1,000 บาท แต่จะมีโอกาสได้กำไรสูงสุดนี้มากกว่ากรณีของ Butterfly ครับ กล่าวคือมีช่วงที่สามารถทำกำไรได้ถึง 1,000 บาท ได้มากกว่า เรียกว่ากำไรอาจจะไม่เยอะ แต่มีโอกาสได้มากกว่าครับ
เป็น อย่างไรกันบ้างครับกลยุทธ์ขั้นเซียนที่นำมาเสนอในวันนี้ อาจจะดูยุ่งยากเล็กน้อย แต่มีประโยชน์มากนะครับสำหรับตลาด Sideway เพราะสามารถจำกัดผลขาดทุนได้ด้วย หวังว่ากลยุทธ์ทั้งหมดที่นำเสนอมาตั้งแต่ต้นจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน บ้างนะครับ และหากต้องการย้อนดูบทความเก่าๆ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.trinityquicktrade.com ครับ สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านประสบแต่ความสุข มีสุขภาพทั้งทางกายและทางการเงินที่แข็งแรงนะครับ