แม้ การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สถานการณ์การเมืองก็ยังดูคลุมเครือ ต้องมาลุ้นกันครับว่าฟ้าหลังฝนจะสดใสหรืออึมครึมต่อไป ตลาดหุ้นบ้านเราก็คงผันผวนต่อไปตราบใดที่ยังไม่มีรัฐบาลทีชัดเจน วันนี้เลยมีกลยุทธ์ที่เก็งกำไรกับความแปรปรวนหรือที่เรียกว่า Volatility Trading มาฝากครับ
เป็น ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าความแปรปรวนหรือ Volatility นั้น มีผลต่อมูลค่าของออปชัน เนื่องจากความแปรปรวนจะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการ in-the-money ของออปชัน ถ้าสมมติให้ปัจจัยอื่นคงที่ หากความแปรปรวนเพิ่มขึ้น มูลค่าออปชันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ในทางตรงข้ามหากความแปรปรวนลดลง มูลค่าออปชันก็จะลดลง ดังนั้นเราก็สามารถทำกำไรจากการคาดการณ์ความผันผวนของตลาดในอนาคตได้
ข้อ ดีของ Volatility Trading คือทำกำไรได้แม้จะไม่รู้ทิศทางของตลาด แม้ไม่แน่ใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง แต่เดาได้ว่าตลาดจะมีความผันผวนสูงขึ้น ก็ควรเลือก Long options ไม่ว่าจะเป็นพุทหรือคอลออปชัน ที่มี implied volatility ต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ ทั้งนี้หากปัจจัยอื่นคงที่ ดัชนีเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่ความผันผวนเพิ่มขึ้น ราคาออปชันตัวนั้นก็จะเพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงข้าม หากคาดว่าในอนาคตตลาดจะซึมๆ ก็ควรเลือก Short options ที่มี implied volatility สูง เมื่อเปรียบเทียบกับตัวอื่นครับ สรุปง่ายๆ หากคาดว่าตลาดจะผันผวน ก็ควร Long Options แต่หากคาดว่าตลาดจะแกว่งตัวแคบๆ ก็ควร Short Options ไม่ว่าจะเป็นคอลหรือพุทออปชันครับ
กลยุทธ์ Volatility Trading นี้ จะมีประโยชน์อย่างมากหากนำมาประยุกต์ใช้กับการคาดการณ์ทิศทางของตลาด โดยหากคาดว่าตลาดจะผันผวนมากขึ้น และน่าจะแกว่งในทิศทางขาขึ้น ก็ควร Long Call Options หากตลาดปรับตัวสูงขึ้นจริง ก็จะได้กำไรจากการถือคอลออปชัน แต่ถ้าคาดว่าตลาดจะลงก็ Long Put Options เพื่อทำกำไรจากการที่ดัชนีปรับลดลง อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง แต่คิดว่าตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น แนะนำให้ Long Straddle เพราะไม่ว่าตลาดจะแกว่งตัวขึ้นแรงหรือลงแรงก็สามารถทำกำไรได้ โดยความแปรปรวนที่สูงขึ้น จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้ทั้งราคาของคอลและพุทออปชันเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีกครับ
ทั้ง นี้ หากคาดว่าตลาดจะซึม และทิศทางตลาดน่าจะแกว่งตัวขึ้นเล็กน้อย ก็ควร Short Put Options หากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นราคาพุทก็จะลดลง โดยจะยิ่งลงแรงเมื่อความแปรปรวนของตลาดลดลง ในทางตรงข้าม หากคาดว่าตลาดน่าจะปรับตัวลงเล็กน้อย ก็ Short Call Options หากดัชนีปรับลดลงจริง จะได้กำไรจากราคาคอลออปชันที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจในทิศทางตลาด แต่คาดว่าตลาดจะซึม แนะนำให้ Short Straddle หากตลาดแกว่งตัวแคบๆ ก็จะได้กำไรจากการ Short Straddle โดยความแปรปรวนที่ลดลงจะยิ่งส่งผลให้ราคาออปชันนั้นลดลงมากขึ้นโดยเปรียบ เทียบ เรียกได้ว่าจะมีกำไรส่วนเพิ่มจากความแปรปรวนที่ลดลงเป็นตัวเสริมครับ
แต่ ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจว่าความผันผวนของตลาดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่คาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น แนะนำให้ทำ Bull Spread เนื่องจากสามารถทำกำไรได้ในตลาดขาขึ้น โดยเป็นการลดต้นทุนเนื่องจากมีทั้ง Long และ Short พร้อมกับจำกัดผลขาดทุนในกรณีที่ตลาดแกว่งลงแรงได้ด้วยครับ ในทางตรงข้าม หากคาดว่าตลาดจะลง แต่ไม่รู้ว่าจะลงแรงหรือค่อยๆ ซึมลง แนะนำให้ทำ Bear Spread แทนครับ
กลยุทธ์ นี้ มีข้อควรระวังในกรณีที่มี Position Long นิดนึงครับ เพราะนอกจากจะต้องคำนึงถึงทิศทางและความแปรปรวนแล้ว ยังต้องคำนำถึงมูลค่าทางเวลาด้วยครับ โดยเฉพาะออปชันที่มีอายุคงเหลือน้อย มูลค่าทางเวลาจะลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้มีผลขาดทุนจากการลดลงของมูลค่าออปชันได้ครับ
กลยุทธ์ Volatility Trading นี้ อาจจะดูสับสนเล็กน้อย ต้องรื้อฟื้นกลยุทธ์เก่าๆ ที่แนะนำไปขึ้นมาลองศึกษา และค่อยๆ นึกภาพตามนะครับ รับรองว่าไม่ยากเกินไปครับ คิดง่ายๆ ถ้าคาดว่าตลาดจะผันผวนมากขึ้นก็ซื้อ ถ้าคิดว่าจะซึมก็ขาย ส่วนจะซื้อขายคอลหรือพุทออปชันนั้นก็ขึ้นกับทิศทางตลาดที่คาดการณ์ โดยการคาดการณ์ความผันผวนของตลาดที่ถูกต้องจะเป็นตัวเสริมให้มีกำไรมากขึ้น ครับ คราวหน้าเราจะมาฝึกวิทยายุทธขั้นสุดท้ายกับกลยุทธ์ขั้นเซียนอย่าง Butterfly และ Condor กัน อย่างพลาดนะครับ