สวัสดีครับท่านผู้อ่าน หลังจากที่เราทำความรู้จักกับเจ้า SET50 Index Options กันมาพอสมควรแล้ว วันนี้เราจะมาศึกษากลยุทธ์การทำกำไรจากออปชันกันครับ โดยเริ่มจากการซื้อคอลออปชัน หรือ Long Call กันก่อน

คอ ลออปชันเป็นสิทธิที่ผู้ซื้อได้รับจากผู้ขายในการเลือกที่จะซื้อสินค้าอ้าง อิงได้ในราคา และระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ ด้วยความที่ผู้ซื้อมี "สิทธิ" นี้เอง ผู้ซื้อจึงต้องจ่ายค่าคอลออปชันหรือพรีเมียมให้แก่ผู้ขาย
![clip_image003[1] clip_image003[1]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQfT4ZGP99rjg4Aq4brXq6w90Cf2s-wgMHDqSkFMe2Sd96hdVJEOi6QlJSKXJg0dI1QG0eHoEH7_Oe73eWd61EQrYLQDVyVowqq_dm4OOa0PuDB6hA0u5MBscpWWAa5RdGgh6a7DUxx15z/?imgmax=800)
ทั้ง นี้ เมื่อออปชันครบกำหนดอายุ ผู้ถือคอลออปชันจะใช้สิทธิก็ต่อเมื่อราคาใช้สิทธิอยู่ต่ำกว่าราคาตลาดของ สินค้าอ้างอิง ดังนั้น กลยุทธ์ Long Call นี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มองว่าราคาสินค้าอ้างอิงจะแกว่งตัวแรงในทิศทางที่ สูงขึ้นในอนาคต
![clip_image003[2] clip_image003[2]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVkzmwWPU1bHwzQOfiVZ1h7yKTFiEKhcDba4z4ejZbZoF7g5yoDV-WJbuCxzTZd_BY1GG44cUZpe-EtLH2_0qyp3MJza3-lWqa3I3YT-wpgxfZs58IVexD2uktBQW4dFTuOGp6MqX2DL7C/?imgmax=800)
ยก ตัวอย่างเช่น สมมติให้ปัจจุบันดัชนี SET50 อยู่ที่ 650 จุด นาย ก คาดว่าดัชนี SET50 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบันค่อนข้างมาก จึงตัดสินใจซื้อ S50Z07C650 จำนวน 1 สัญญา ในราคา 30 จุด หรือ 30x200 = 6,000 บาท เมื่อถึงสิ้นเดือนธันวาคม นาย ก จะตัดสินใจใช้สิทธิหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้สิทธิแล้วคุ้มหรือไม่ โดยพิจารณาจากระดับดัชนี SET50 ณ วันหมดอายุ หากดัชนี SET50 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 700 จุด นาย ก จะได้รับกำไรจากการใช้สิทธิเท่ากับ 700-650 = 50 จุด หักต้นทุนค่าพรีเมียม สุทธิแล้วได้กำไรทั้งสิ้น (50-30)x200 = 4,000 บาท ครับ ในกรณีนี้ นาย ก ก็จะใช้สิทธิ
![clip_image003[3] clip_image003[3]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBPgNf-M6oGDuxWLjM7D8xxDbB4zGBGsvDNCQHZUpp97DDXYbV9XAfi5r0dEWUGoF949jtOtzUL-ADTBz8VGMWbHZkOsz50qxpZ6psryYOMq1fytGy5qrvbynOwgyDpual_ZOsIDHtOFD7/?imgmax=800)
แต่ ถ้า SET50 ณ สิ้นเดือนธันวาคม อยู่ที่ 670 จุด แม้นาย ก จะสามารถซื้อ SET50 ได้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด 670-650 = 20 จุด แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนค่าพรีเมียม สุทธิแล้วจะขาดทุน (30-20)x200 = 2,000 บาทครับ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าใช้สิทธิแล้วจะขาดทุน นาย ก ก็ควรเลือกที่จะใช้สิทธิ เพราะเมื่อเทียบกับการปล่อยให้ออปชันหมดอายุและเสียพรีเมียม 6,000 บาทไปเฉยๆ การใช้สิทธิแล้วขาดทุน 2,000 บาท จึงดูสมเหตุสมผลกว่าจริงไหมครับ
![clip_image003[4] clip_image003[4]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhIcgV6f6oAXs00pOoBI0exUDV49Vwmwre7P-PlPbdtglbiGKlMM-xxNHl2yD7m9CPvloAqkgopfQaJkbVMXTlgk2x4tSZ2vRROt-2Z5CoZsY1AJys1idE1vPhlIw98EbleN0Nny3aQEtby/?imgmax=800)
อย่าง ไรก็ตาม หากดัชนี SET50 ณ วันหมดอายุ ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ คือลดลงเหลือเพียง 640 จุด หาก นาย ก ใช้สิทธิจะขาดทุนเท่ากับ (650-640)x200 = 2,000 บาท หักต้นทุนค่าพรีเมียม สุทธิแล้วขาดทุน 2,000+6,000 = 8,000 บาท กรณีนี้ นาย ก ก็จะปล่อยให้ออปชันนั้นหมดอายุไป และยอมขาดทุนเท่ากับพรีเมียม 6,000 บาท
![clip_image003[5] clip_image003[5]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgfLgxyhb8mCeXq38sABh1OPvNu0R4T2-ZuG-kfxPSWDVb0Z75yAmTkhypKhIs3YInR1gCvQSBvkZGe7Lf1EVXp6-qd6gLiG8Or6h7RPKeeDkGcwzilNAbxvIeSZCLPYcqt5uuH-XngzrM2/?imgmax=800)
จะ เห็นได้ว่าในสถานการณ์ที่ผู้ถือคอลออปชันเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ผู้ถือคอลออปชันจะขาดทุนได้สูงสุดไม่เกินพรีเมียมที่จ่ายซื้อออปชันไปในตอน แรกครับ ดังนั้น การ Long Call จึงมีประโยชน์ในด้านการจำกัดผลขาดทุน ในขณะที่กำไรที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นก็มีได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับว่าราคาสินค้าอ้างอิงนั้นเพิ่มสูงขึ้นแค่ไหนครับ
![clip_image003[6] clip_image003[6]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFnqNngS8o8D6I1BHduhcLNsflNn4rRAdOEH7hmX-t-_DCvCT5rxE1reIQ9b29dIi1cUchPwgdoQ8OE7JA75B_oWlCFc-IZQI2F1h5TR7qSAbKCovGdAcFM7qbgc9sgQcl1Xbh1TqR8lqY/?imgmax=800)
ด้วย ข้อดีแบบนี้นี่เองครับที่ทำให้ราคาหรือพรีเมียมของคอลออปชันจะค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลออปชันที่ At-the-Money และ In-the-Money ดังนั้น การซื้อขายออปชันจึงต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมากนะครับ เพราะโอกาสที่จะเสียค่าพรีเมียมไปเปล่าๆ ก็มีสูงเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ทิศทางตลาดของนักลงทุนเป็นหลักครับ
![clip_image003[7] clip_image003[7]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidAr3d03Qtytmk2OvBIf1jeOa_TeminCo4e3TLmMbAJXEn2fTYEdj5rYwTfZpxDQ7T25gt2IIzLcOUTZ21DhCfa0kH4fYihMF01KI2FQpJuFCREg0RsK53UpR53TlBoDJ_Blc_jhyphenhyphen35ig2/?imgmax=800)
ทั้ง นี้ หากนักลงทุนไม่ต้องการถือออปชันจนหมดอายุ ก็สามารถขายคอลออปนั้นเพื่อทำกำไร (หรือตัดขาดทุน) ในกรณีที่ราคาออปชันปรับตัวสูงขึ้น (หรือลดลง) โดยราคาคอลออปชันบน SET50 ก็จะขึ้นอยู่กับระดับดัชนี SET50 เป็นหลัก หาก SET50 ปรับตัวสูงขึ้น ราคาคอลออปชันก็จะสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ ความผันผวนของระดับดัชนี SET50 ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง หาก SET50 มีความผันผวนมาก โอกาสที่คอลออปชันจะ In-the-Money ก็มีมากขึ้น ราคาคอลออปชันก็จะสูงขึ้นด้วย สุดท้าย เป็นเรื่องของเวลาครับ ถ้าออปชันเหลือเวลาน้อยๆ โดยเฉพาะในช่วง 30 วันสุดท้าย มูลค่าทางเวลาลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโอกาสที่ดัชนี SET50 จะดีดตัวสูงขึ้นก็มีน้อยลง ราคาออปชันในช่วงนี้จะลดลงอย่างรวดเร็วครับ ดังนั้น กลยุทธ์ Long Call จึงไม่เหมาะกับออปชันที่เหลืออายุน้อยๆ นะครับ
![clip_image003[8] clip_image003[8]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhsC2EwjRmcNjrDqgThY9DUFMq5a3JLNFqznWPKaAqUKXBSK7V2dHjvACSIa9Gp6uXsLlZOBjRKUQK4Tjhk4h5A5xiKp2sAEgt1hFrTjOfxKtcbOs9TMrDDc0qAdqGUOcniARR-QJH0AcvI/?imgmax=800)
เป็น อย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธ์แรกที่เราได้ศึกษากัน น่าสนใจไหมครับ แต่ยังมีอีกหลายกลยุทธ์ที่จะแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักกันครับ คราวหน้าเราจะมีคุยกันต่อกับสถานะ Long Put กัน ต้องติดตามนะครับ